มนุษย์นั้น
ตามปกติจะมีอารมณ์กวัดแกว่งไปได้ต่าง ๆ ตั้งแต่ หงุดหงิด กลัดกลุ้ม โกรธ กังวลเล็ก
ๆ น้อย ๆ เพราะ อำนาจของ โลภ โกรธ หลง เป็นประจำ ถ้าจิตต้องเดือดร้อน
เพราะปัญหาต่าง ๆ มาก ย่อมเสียเวลา ไม่มีกำลัง และ จะไม่เกิดสติปัญญา
ในอันที่จะแก้ไข ปัญหาชีวิตได้ เท่าที่ควร...
หากได้รับการบริหารเป็นประจำ
จิตจะตั้งมั่น มีความสุข มีกำลัง และเกิดสติปัญญา เราเกิดมา มีชีวิต อยู่ในโลกนี้
เพียง ชั่วคราวอายุมนุษย์เรานี้สั้นเพียงนิดเดียว หากต้องกลัดกลุ้ม หงุดหงิด กังวล
เพราะ เรื่องต่าง ๆ ของโลก ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะตายย่อมเป็นชีวิตที่ขาดทุน และน่า
เสียดาย เราอาจฝึกตัว เราเองให้มีความสุขได้ บางคน อาจจะหัวเราะเรา
การที่จะมีความสุข ก็ต้องฝึก แต่เป็นเช่นนั้นจริง ๆ
มนุษย์ไม่ค่อยรู้จักวิธีหาความสุขที่ดี การฝึก ให้มีความสงบสุข จึงเป็น
ศิลปการดำรงชีวิต ที่ควร กระทำอย่างยิ่ง
การประกอบอาชีพโดยสุจริต
การกล่าววาจาชอบ ไพเราะ อ่อนหวาน ถูกกาลเทศะ การไม่เบียดเบียน ผู้อื่น ความขยัน
ขันแข็ง และความมีน้ำใจ ในการช่วยเหลือ ในกิจการงาน
เป็นเรื่องสำคัญที่ส่งเสริมสุขภาพจิต
ท่านคงจะเคยได้ทราบมาบ้างแล้วว่า
คนบางคนขี้เกียจพยายามเลี่ยงงาน ไม่มีน้ำใจช่วยเหลือ ในกิจ การงาน คนชนิดนี้
ย่อมเป็นที่รังเกียจ เป็นที่ซุบซิบนินทาว่าร้ายของผู้อื่น และไม่ได้รับความเมตตา
ช่วยเหลือตามสมควร อยู่ที่ไหนก็ไม่มี ใครชอบ ไม่มีความสุข ตรงข้ามกับคนที่
หนักเอาเบาสู้ เต็มใจ เข้าทำการงานต่าง ๆ ทั้งในหน้าที่ และทั้งงานของผู้อื่น
ย่อมเป็นที่รักใคร่ เมตตาของคนทั้งหลาย ช่วยส่งเสริมสภาวจิตทั้งของตนเอง
และของผู้อื่น ให้เป็นไปด้วยดีในทางที่จะ สำเร็จประโยชน์สูงขึ้น
ความขยันจึงเป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับความสุข ความ
ขี้เกียจย่อมนำความทุกข์ระทมมาให้ ต้อง พยายามไถ่ถอนใจออกจากเรื่องของตัวเองให้มากที่สุด
คนที่คิด
หรือ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องของตนเองตลอดเวลา เช่น กลัวไม่รวย กลัวขาดทุน
กลัวจะไม่สวย กลัวคนจะ ไม่รัก กลัวจะไม่มีชื่อเสียง กลัวคนจะนินทาว่าร้าย
กลัวจะเป็นโรคนั้นโรคนี้ ย่อม ทำให้จิตไม่เป็นสุข และอาจจะ เกิดความ
เจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นจริง ๆ ยิ่งฝึกไถ่ถอนใจออกจากเรื่อง ของตัวเอง
มากเท่าใดยิ่งเบาสบาย มีความสุข และเกิดโรคน้อย ควรมองไปรอบ ๆ ตัว นึกถึงคนอื่น
ที่มีเป็นหมื่นแสนเป็นล้าน ที่เขาจนกว่าเรา
ทำบุญทำทาน
เป็นการลดความเห็นแก่ตัว ทำให้จิตคลายความเครียด จิตที่คิดจะเอานั้นเครียด
แต่จิตที่ให้ นั้น หย่อน คลายเป็นกุศลจิต มีความเบาสบาย คือ ที่เรียกว่าได้บุญ
การฝึกแผ่ความรัก
หรือแผ่เมตตา คนเรานั้นปกติรักตัวเอง แต่เมตตาให้ผู้อื่นน้อย จะสังเกตเห็น ได้ง่าย
ไม่มีใคร โกรธ หรือลงโทษตัวเอง เพราะมีความรักตัวเอง
จึงให้อภัยตัวเองอย่างสูงสุดแล้ว แต่มักจะโกรธ และไม่ค่อยอภัย ให้ผู้อื่น
เราไปที่ไหนก็ฝึกแผ่เมตตาเช่นนี้เป็นประจำ ใจของเรา จะสงบ ความหงุดหงิด
และรำคาญนั้นเป็นโทสะ หรือความโกรธ อ่อน ๆ เมตตาเป็นเครื่องปราบ ความโกรธ
จึงทำให้คลายความหงุดหงิดและรำคาญ
การสวดมนต์นี้
มีการเจริญแผ่เมตตารวมอยู่ด้วย มิเพียงแต่เท่านั้น ยังฝึกให้เกิดสมาธิจิต ใน
พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ อันเป็นมหากุศลขั้นปราณีต
ดังนั้นการสวดมนต์ภาวนา จึงเป็นการบริหาร สุขภาพจิตอย่างสูง
เพราะฉะนั้น
การเจริญพระพุทธมนต์ ท่านจึงว่าเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้จิตสงบ การเจริญนั้น
มักทำใน ตอนเช้า ตอน กลางคืน ก่อนเข้านอน หรือ เวลาว่าง เพื่อทำให้เกิดสิริมงคล
เป็นการฝึกทำให้จิต ตั้งมั่นอยู่ในความสงบ และมีความ มั่นคงในชีวิตประจำวัน
ทำให้จิตมีความแกล้วกล้า ในการทำ ความดี เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น และตนเอง
ขอเสนอแนะให้สาธยาย
(สวด) ทุกเช้าค่ำ จักทำให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง อาทิ โจรภัย อัคคีภัย ภูตผีปีศาจ
สัตว์ร้าย เป็นที่รักแห่งเทพยดา ถึงคราวอับจนก็ไม่อับจนเข็ญใจ มีสติสัมปชัญญะ
ก่อนตาย และเมื่อตายย่อม บังเกิดในสุคติ โลกสวรรค์ จะไม่ตายด้วยยาพิษ
นอกจากจะสิ้นอายุขัย ของตนเอง
ผู้ที่ภาวนาทุกค่ำเช้า
จะได้รับความร่มเย็นเป็นสุขเห็นผลตามสมควร อนึ่งผู้ที่ทำการพิมพ์จดลอก
เพื่อผู้อื่นได้สวด ก็ย่อมได้ความสุข เพราะทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระพุทธองค์
เมื่อสิ้นอายุขัย ย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์เช่นกันแล ฯ
โดย..
มงคล พยัคฆ์เกษม